ผลการศึกษาการเรียนเรื่องวัยรุ่นและพัฒนาการทางเพศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับชุดกิจกรรม

THE EFFECT OF STUDYING HEALTH EDUCATION ON ADOLESCENTS AND SEXUAL DEVELOPMENT UNIT BY USING COOPERATIVE LEARNING STAD TECHNIQUES STAD AND USING A LEARNING PACKAGE FOR GRADE 7 STUDENTS

  • วลีพร สามหาดไทย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • ธชา รุญเจริญ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาผลการเรียนรู้เรื่องวัยรุ่นและพัฒนาการทางเพศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ร่วมกับชุดกิจกรรม 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนรู้เรื่องวัยรุ่นและพัฒนาการทางเพศ  โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ร่วมกับชุดกิจกรรมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 จำนวน 25 คน โรงเรียนอ่างห้วยยาง ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 3) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 4 แผน ชุดกิจกรรม แบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าสถิติพื้นฐานโดย ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน


ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการเรียนรู้เรื่องวัยรุ่นและพัฒนาการทางเพศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ร่วมกับชุดกิจกรรม มีค่าเฉลี่ยก่อนเรียน 15.20 ค่าเฉลี่ย หลังเรียน 23.84 ความก้าวหน้า 8.64 ร้อยละความก้าวหน้า 27.73 นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 2. ความพึงพอใจของนักเรียนในการเรียนเรื่องวัยรุ่นและพัฒนาการทางเพศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ร่วมกับชุดกิจกรรม มีค่าเฉลี่ย 4.56 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.56 อยู่ในระดับมากที่สุด


 


The objectives of this research are 1) to study the learning outcomes of adolescence and sexual development. of Mathayom 1 students using cooperative learning, the STAD technique, together with activity sets 2) to study the satisfaction of Mathayom 1 students with learning about adolescence and sexual development. By organizing cooperative learning, STAD techniques, together with activity sets for 25 Mathayom 1 students at Ang Huai Yang School. In the 2 semester of academic year 2022 3) The tools used in the research include 4 learning management plans, activity sets, satisfaction assessment forms. Statistics used in data analysis include basic statistics by means, standard deviations.


The research findings are as follows: 1. The learning outcomes regarding adolescence and sexual development of first-year high school students using the STAD technique combined with activity sets showed significant improvement. The average score before the intervention was 15.20, while the average score after the intervention was 23.84. The progress made was 8.64, equivalent to 27.73% of overall improvement. The students demonstrated increased knowledge on the subject. 2. The satisfaction level of first-year high school students towards learning about adolescence and sexual development using the STAD technique combined with activity sets was highly favorable. The average satisfaction score was 4.56, with a standard deviation of 0.56, indicating the highest level of satisfaction.

References

กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). พระราชบัญญัติ พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562. กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

ณัฐวรา รินเที่ยง. (2563). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาสุขศึกษา เรื่อง รักสุขภาพ โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. เชียงราย : องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองพาน.

ธมลวรรณ การัดเสนา, ณัฏฐชัย จันทชุม และวนิดา ผาระนัด. (2564). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ประกอบ M – Learning ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ ศรีนครินทรวิโรฒ. 22(2). 94–112.

บังอร อาจวิชัย. (2550). การพัฒนาชุดการเรียนรู้. สืบค้นเมื่อ 15 ธันวาคม 2564. จาก http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/snamcn/Bangon_Argvichai/Fulltext.pdf

พิสุทธิลักษณ์ พงโอสถ, นันทวัน ขวัญศรีทองมั่น และมณฑา หมีไพรพฤกษ์. (2561). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ โดยใช้ชุดการเรียน เรื่อง บรรยากาศ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์กำแพงเพชร. กำแพงเพชร : โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์กำแพงเพชร.

โรงเรียนอ่างห้วยยาง. (2565). รายงานการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาของโรงเรียนอ่างห้วยยาง ในปีการศึกษา 2565. นครราชสีมา : โรงเรียนอ่างห้วยยาง.

วรางคณา เจริญรักษา. (2565). ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจต่อวิชาวิทยาศาสตร์โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์. 8(1). 300-313.

สุนีย์ เปมะประสิทธิ์. (2543). ลักษณะสำคัญของชุดกิจกรรม. สืบค้นเมื่อ 12 ธันวาคม 2564. จาก https://www.gotoknow.org/posts/561214

สุภัทร จำปาทอง. (2562). พัฒนาประเทศ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์. สืบค้นเมื่อ 10 ธันวาคม 2564. จาก https://www.matichon.co.th/advertorial/news_1658362

เสาวรี ภูบาลชื่น. (2563). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้วิธีสอนแบบทางตรงร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านทักษะปฏิบัติ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจ วิชาศิลปะ สาระนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 39(5). 81-92.

อภิวัฒน์ โตชัยภูมิ. (2556). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD. วารสารบัณฑิตศึกษา. 14(67). 77-82.

อริยาภรณ์ ขุนปักษี. (2561). การพัฒนาชุดกิจกรรมวิชาวิทยาศาสตร์โดยใช้เทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
Published
2024-08-21
How to Cite
สามหาดไทย, วลีพร; รุญเจริญ, ธชา. ผลการศึกษาการเรียนเรื่องวัยรุ่นและพัฒนาการทางเพศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับชุดกิจกรรม. วารสารการบริหารการศึกษา มมร.วิทยาเขตร้อยเอ็ด, [S.l.], v. 4, n. 2, p. 271-285, aug. 2024. ISSN 2730-4132. Available at: <http://ojs.mbu.ac.th/index.php/RJGE/article/view/2521>. Date accessed: 21 nov. 2024.